5 พฤติกรรมที่ขาใหญ่ชอบใช้(เล่น)กัน

เนื้อหาในบทนี้จะมาเน้นที่หุ้นกันชักหน่อยนะครับ เพราะที่ผ่านมา บทความหลักที่ผ่านมาเน้นไปที่ข้อมูลการลงทุนในตลาด Forex ชะเป็นส่วนใหญ่ แต่ในหัวข้อที่กำลังจะกล่าวถึงนี้ ก็สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้กับการเทรด forex ได้เช่นกันครับ

ก่อนอื่นต้องขออธิบายคำจำกัดความ ของคำว่า”ขาใหญ่” ในที่นี่ หมายถึงเจ้ามือ ซึ่งก็คือเจ้าของพอร์ตใหญ่ๆ ที่มีเงินมากมาย มหาศาลอยู่ในมือ หากคิดจะโยนไปทางไหน ก็สามารถดึงราคาได้นั่นเอง เจ้ามือที่ว่านี้ อย่างเช่น กองทุนต่างๆ ธนาคารกลางสหรัฐ, ธนาคารกลางยุโรป, ธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือจีน ฯล ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ มักจะมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่นแฟ้น และเมื่อไหร่ ที่เขารวมหัวกัน(ร่วมมือ) กดดัน หรือทุบราคาของตลาด(ปกติก็ทำกันอยู่แล้ว) พวกเราหรือนักลงทุนรายย่อย ที่เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ของตลาด หากพอร์ตที่เราถืออยู่ สวนทางกับแผนที่เขาวางเกมส์ นั่นก็คือความหายนะ กำลังจะมาเยือน ฉนั้น เราต้องตามเกมส์ให้ทัน ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากๆ ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุน เพราะเราไม่สามารถปฎิเสธว่า ในวงการของตลาดการลงทุน ไม่ว่าจะหุ้น หรือ forex จะมีเจ้ามือ คอยคุมเกมส์อยู่ เหมือนที่ คุณ สราวุฒิ ม่วงชู (เทรดเดอร์ที่ถนัดการเทรดทอง) ได้เขียนไว้ในบล็อคของเขาที่ชื่อว่า “ตลาดไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เราชนะ” โดยอิงเนื้อหา คุณเอกยุทธ อัญชันบุตร ซึ่งเป็นเซียนหุ้นอีกท่านหนึ่ง ที่มีชื่อเสียง แต่เสียชีวิตไปแล้ว ในบทความนี้ จึงจะขอหยิบยก บทความที่คุณเอกยุทธ ได้เขียนไว้เกี่ยวกับ 5 พฤติกรรมของเจ้ามือ ที่เราต้องรู้ทัน จะได้ระวัง ไม่ให้ตกเป็นเหยื่อดังนี้ครับ

1.พฤติกรรมย่ำราคา
โดยสังเกตได้จาก Bid ด้านซ้าย จะหนามากๆ และมีปริมาณการซื้อ-ขายที่มาก ในระดับราคาที่ยืนอยู่นิ่งๆ นานๆ โดยแนะนำให้สังเกตดูเป็นรายชั่วโมง เพราะจะสามารถแยกรูปแบบการเล่นนี้ ออกได้เป็น 2 ลักษณะคือ

  • ย่ำราคาเพื่อเรียกร้องความสนใจ…จะ เป็นการสร้าง Volume แบบหนามากๆ ตลอดเวลา โดยราคาไม่ได้พุ่งขึ้นตามไป ถือว่าเป็นการ “โชว์” ให้นักลงทุนได้เห็นว่า หุ้นตัวนั้นๆ มีแนวโน้มที่จะ “เล่น” กันในระยะเวลาอันใกล้นี้ เปรียบได้กับเป็นอีกรูปแบบที่
    “เจ้ามือ” ทยอยเก็บของ เพราะหาก “เจ้ามือ” ซัดช่องขวาเข้าไปเมื่อไหร่ ราคาจะวิ่งขึ้นทันที
  • ย่ำราคาเพื่อทุบลง…เป็นการสร้าง Volume แบบหนาๆ เพื่อหลอกล่อให้นักลงทุนเข้ามาเล่น จากนั้นหากได้จังหวะ ก็จะยก Bid ทิ้งออกไป เพื่อตบราคาให้ร่วงลงมา หากนักลงทุนรายใด “ตกใจ” และ “เทขาย” ของออกมา
    “พฤติกรรมย่ำราคานี้ ให้สังเกตดีๆ ว่า จะมี Volume หนาแน่นมาก 2-3 ช่องในด้านซ้าย (Bid) ซึ่งไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก”
    เจ้ามือเนี่ยจะกดราคาหลอกให้ดูเหมือนว่าจะลง เรียกได้ว่าหลอกด้วยจิตวิทยาล้วน ๆ ครับ เล่นกับความกลัวของคน พอคนตกใจก็เริ่มกลัว กลัวว่าจะลงก็ทำการขายทิ้งทันที แต่อย่าลืมว่าพอเราขายทิ้งไป ก็จะมีคนรับซื้อของถูกทันที เป็นเหมือนกันทุกตลาด

2.พฤติกรรมสร้าง Volume มากๆ แบบผิดสังเกต

โดยที่ราคาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก อาจขึ้น-ลง แค่ 1-2 ช่อง…วิธีนี้ให้นักลงทุนรีบย้อนหลังกลับไปดู Volume การซื้อ-ขายอย่างต่ำ 1-2 เดือน เพราะหากดูประวัติย้อนหลังแล้วพบว่า Volume การซื้อ-ขายน้อยมาก หรือแทบจะไม่มีเลยนั้น แต่อยู่ๆ กลับมีขึ้นมาอย่างผิดสังเกต ถือว่าเจ้ามือกำลังสร้าง Volume เพื่อเตรียมทำราคา วิธีการนี้หากนักลงทุนรายใด มีหุ้นตัวนั้นๆ อยู่ในมือก็ให้ท่องจำอยู่ในใจว่าอย่าขายเด็ดขาด เพราะมีโอกาสสูงมากที่จะทำราคากันขึ้นไปเล่นในเร็ววัน 

“พฤติกรรมสร้าง Volume หนักๆ เช่นนี้ โดยราคายังนิ่งๆ ทั้งที่แต่เดิม Volume ของหุ้นนั้นแทบจะมีน้อยมาก หรือไม่มีเลย ทำให้นักลงทุนบางคนอาจตื่นตระหนก แล้วรีบเทขายออกมา เพราะเห็นว่า หุ้นที่ตัวเองถืออยู่นี้ ราคาไม่ได้วิ่งมานาน จึงกลัวจะต้องถือยาวกว่านี้
เมื่อเทขายหุ้นออกมา ก็เข้าทาง “เจ้ามือ” ที่วางกลอุบายเอาไว้แล้ว และสามารถเก็บของได้เพิ่มขึ้นอีก”

3.พฤติกรรมลากไปติดดอย
มีวิธีสังเกตคือ ฝั่ง Offer จะหนามาก ในขณะที่ Bid จะเบาบาง และมีราคาวิ่งขึ้นตลอด ถือว่าเป็นยุทธวิธีที่เจ้ามือวางกับดักล่อ โดยจะกินช่องขวา (Offer) ตลอด เมื่อมีคนแห่เข้ามาเล่นตามในช่องขวาเป็นจำนวนมาก ถึงจุดหนึ่งที่เจ้ามือ จะออกของก็จะไล่ราคาร่วงลงมาได้ในทุกระดับ เพราะเจ้ามือสามารถออกของได้ทุกระดับราคาอยู่แล้ว โยนออกมาไม้ไหนก็มีแต่กำไร
พฤติกรรมนี้ ให้นักลงทุนสังเกตให้ดีๆ ว่า หากมีการไล่ราคาในช่องขวา (Offer) ขึ้นไปกันหลายช่องและวิ่งขึ้นตลอด อย่าเข้าไปซื้อเด็ดขาด เพราะถ้าเข้าไปก็มีสิทธิติดยอดดอยกันได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ รอให้มีการทุบราคาลงมาจนเห็นสีแดงนานๆ ก็อาจเข้าไปซื้อได้ แต่ต้องดูประวัติย้อนหลังของหุ้นตัวนั้นๆ ด้วยว่า น่าเล่นหรือไม่

วิธีการแก้ในข้อนี้คือ การตีเส้นแนวรับแนวต้านครับ เทรดในกรอบจำไว้อย่างนึงคือ

แนวรับ =มีไว้ซื้อ

เเนวต้าน = มีไว้ขาย

หากตีแนวรับตีต้านได้เล่นในกรอบโอกาศขาดทุนมีน้อยมาก แต่หากหลุดไปทางใดทางนึงมาก ๆ อาจต้อง cut loss ออกครับ
แต่ต้องมีวินัยในการลงทุนมาก ๆ ครับ

4.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นตลอด

ให้สังเกตว่า Volume ทั้งด้านซ้าย (Bid) และด้านขวา (Offer) จะหนามากๆ และตลอดเวลา อีกทั้งราคาจะมีการวิ่งขึ้น-ลง วันละ 10-20 ช่องตลอด ซึ่งรูปแบบการเล่นเช่นนี้ ขึ้นกับนักลงทุนเองว่า จะมีความเร็วในการเข้า-ออกหรือไม่ เพราะราคาจะสวิงขึ้น-ลงตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องสังเกตเป็นพิเศษคือ หากราคาไปหยุดนิ่งอยู่ที่ระดับไหนนานๆ ให้ตระหนักไว้เลยว่า มีสิทธิที่จะลากขึ้นไปไกล หรือทุบลงมาอย่างแรงได้ทั้งสองทาง จึงขึ้นกับความไวของตัวนักลงทุนเอง

วิธีนี้ขึ้นกับตัวเจ้ามือแล้วว่า จะทำให้นักลงทุนติดยอดดอยกันในระดับราคาไหน เพราะเขาสามารถออกของได้ทุกระดับราคา จากนั้นเมื่อทุบร่วงลงมาก็จะเข้าไปช้อนซื้อเก็บไว้ จากนั้นก็จะนำกลับมาเล่นกันใหม่ หุ้นลักษณะนี้จะพบว่า มีการเล่นกันตลอดทั้งสัปดาห์ อาจมีหยุดบ้างก็ 1-2 วัน แต่ Volume ก็ยังมีให้เห็นอยู่

5.พฤติกรรมเจ้ามือใหญ่เล่นหุ้นปั่นเป็นรอบ
วิธีนี้จะเล่นกันสัปดาห์ละครั้ง หรือสองครั้ง จึงขอให้นักลงทุนต้องย้อนกลับไปดูประวัติย้อนหลังของหุ้นที่อยู่ในระดับต่ำสุดที่นิ่งนานๆ บวกกับการดูราคาที่วิ่งขึ้นไปสูงสุดว่าอยู่ที่เท่าไหร่ แล้วนำมาหารครึ่ง เพื่อดูราคาว่า ระดับไหนถึงจะซื้อได้ ตัวอย่างเช่น หากหุ้นตัวนั้น เคยอยู่ที่ระดับต่ำนิ่งๆ ประมาณ 4 บาท แต่มีการทำราคาไล่ขึ้นไปแตะสูงสุดที่ 12 บาท ดังนั้น ราคาที่เหมาะสมที่น่าจะซื้อได้จึงอยู่ที่ระดับ 8 บาทต่อหุ้น (12-4 = 8)

“พฤติกรรมการเล่นเป็นรอบนี้ นักลงทุนต้องพึงระวังว่า เจ้ามืออาจจะกลับมาเล่น หรือไม่เล่นเมื่อไหร่ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นกับความน่าสนใจของหุ้นตัวๆ นั้นว่า เป็นที่สนใจของนักลงทุนหรือไม่”

นายเอกยุทธ กล่าวต่อว่า วิธีการทั้งหมดนี้…อยากบอกว่า เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องใช้เวลาในการศึกษาและติดตามอย่างใกล้ชิด ตนไม่สามารถยกตัวอย่างหุ้นเป็นรายตัวออกมาให้เห็นได้ เพราะเกรงจะมีข้อกฎหมายตามมาภายหลัง

แต่เชื่อว่า หากนักลงทุนที่เล่นหุ้นกันอยู่ในตลาดหุ้นไทยคงรับทราบดีว่า หุ้นตัวไหนที่เข้าข่ายใดใน 5 พฤติกรรมดังกล่าว เพื่อที่จะได้รู้ว่า ตัวเราเองจะเล่นแบบไหน และจะสังเกตวิธีการที่เจ้ามือเล่นกันได้อย่างไร แต่ที่สำคัญคือ นักลงทุนต้องพึงระลึกว่า “อย่าโลภ” ถ้าอยากเล่นหุ้นปั่น หากได้กำไรแค่ไหน จงนึกเสมอว่า… อย่าเป็น “เสือหวน” เด็ดขาด
สมัยก่อนเวลาทำราคาหุ้นคนทำเนี่ยไม่ค่อยจะดูพื้นฐานกันเท่าไหร่หรอกครับ เรียกได้ว่าเค้าชอบหุ้นตัวนี้ ก็จัดการเลยคือก็ปั่นเลย จะเห็นว่าตลาดหุ้นก่อนปี พ.ศ. 2540 ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง หุ้น PE 30-40 เท่าเต็มตลาดเลยครับแต่สมัยนี้ถ้าหุ้นวิ่งขึ้นแรงๆไม่มีพื้นฐานรองรับ กลต. เขาจะติดป้าย “หลักทรัพย์ที่สมาชิกต้องให้ลูกค้าวางเงินสดเต็มจำนวนก่อนซื้อ” เพื่อลดความร้อนแรง
อย่างที่กล่าวมานั้นคือรูปแบบนึงของการที่เจ้ามือได้หลอกเรา มันจะมีรูปแบบของการปล่อยข่าวสารออกมาอีก สมัยนี้การเล่นข่าวสารนิยมทำกันมาก ในเมืองนอกที่ชอบทำกันอย่างมากครับ เรียกว่าปล่อยข่าวออกมากมายเพื่อให้เกิดความขัดแย้ง สับสน นักลงทุนหลงทาง อย่างที่ใคร ๆ รู้ ว่าเมืองนอกจะมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ มีการคาดการณ์ไว้เรียบร้อย นั้นก็เป็นส่วนนึงของเจ้ามือในการหลอกเราครับ
ความรู้ทุกอย่างที่กล่าวมาก็เป็นความรู้เดิม ๆ นะครับไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนเขียนหรือไม่เคยมีคนออกมาบอก ทุกอย่างมีคนออกมาเตือนหมดแล้วว่า ตลาดบางทีมันก็ไม่เป็นดั่งที่เราคิดนะ มันไม่ใช่ตลาดที่มีความสมบูรณ์เลย คุณ ๆ และผม ต้องติดอาวุธทางสมองกันตลอดเวลาเพื่อป้องกันการหลอกจากเจ้ามือ “เชื่อว่า หากนักลงทุนเข้าใจในหลักการนี้แล้ว ต่อไป…บรรดา “เจ้ามือ” ทั้งหลายก็คงต้องมีวิวัฒนาการใหม่ๆ ออกมา เพื่อไม่ให้ “รายย่อย” ได้ตามทัน มิเช่นนั้น… “เจ้ามือ” เองก็คงไม่สามารถ “ล่อ” แมงเม่าให้เข้ามาในกองไฟได้อีก

เครดิต: 5 พฤติกรรมรู้ทัน’เจ้ามือ’เล่นหุ้นไม่ตกเป็นเหยื่อ