สำหรับแฟลตฟอร์มหลักที่ใช้ในการซื้อ-ขายอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FOREX) นั้นก็คือแฟลตฟอร์ม MetaTrader แฟลตฟอร์ม Meta trader มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนล่าสุด ณ ตอนนี้ Meta trader เป็นเวอร์ชั่น 5 แล้ว ถึงแม้จะเป็นรุ่นใหม่ที่ออกมาอัพเดท แต่ถ้าบางฟังก์ชั่น บางคุณสมบัติ หรือทางเลือกอื่นๆ ออกมาไม่ตรงกับจุดประสงค์ที่ต้องการ มีข้อจำกัดบางอย่าง ไม่ดีเท่ารุ่นเดิม ถ้าเป็นเช่นนั้นเหล่าเทรดเดอร์ทั้งหลาย ก็คงจะไม่ปลื้มกับของใหม่เท่าไรนัก
! แต่ยังงัย ? ของใหม่ๆ มันก็ต้องดีกว่าเก่า ตามหลักมุมมองพื้นฐานทั่วๆไป ฉะนั้นในบทความนี้จะมาชั่งน้ำหนัก ดูว่าข้อแตกต่างระหว่างของใหม่กับของเก่าอย่าง แฟลตฟอร์ม Meta trader 4 กับ Meta trader 5 อันไหนดีกว่ากันอย่างไร ?
อธิบายรายละเอียดแต่พอสังเขป
มีเหตุผลง่ายๆหลายอย่างว่าทำไม โบรกเกอร์จำนวนมากยังคงไม่เปลี่ยนมารองรับ MT5
- EAที่ทำงานบน MT4 ใช้งานไม่ได้กับ MT5 และไม่สามารถทำการแปลงมาใช้บน MT5 ได้เลย เมื่อรู้แบบนี้แล้วคนที่ใช้ EA อยู่คงเกิดคำถามว่า เฮ่ย !! ผมซื้อ EA มาตั้งแพง ลงทุนลงแรงมาตั้งเยอะ ทำไมใช้ไม่ได้ล่ะ และมีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้นที่จะใช้ได้ ก็คือการเขียน EA ขึ้นใหม่ทั้งหมดในภาษา C++
- บอกลา วิชาHedgingและ Scalping ไปได้เลย(ตามกฎ FIFO) MT5 มีความเข้มงวดด้านกฎระเบียบ ในการทำให้ตัวเองเป็นโปรแกรมมาตรฐานมากขึ้น ทำตามกฎ NFA ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ควรเลย
ด้วยเหตุผล 2 อย่างนี้ ทำให้ทั้งผู้ใช้และโบรกเกอร์เซ็งไปตามๆกัน และเข้าใจว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ MQL (MT4)พัฒนาคุณสมบัติบางอย่างของ MT5 ให้ MT4 ใช้งานได้เช่น ระบบ One Click Trading, Drag & Drop, Signal Tab, Code Baseและอื่นๆ ลงไปใน MT Build 500 ซึ่งเป็น MT4 เวอร์ชั่นล่าสุดนั่นเอง ทั้งนี้ก็มีความชัดเจนว่าพวกเขาเน้นทั้งกำลัง และข้อมูลส่วนใหญ่ไปที่ระบบชุมชนของ MQL5 และเพิ่มระบบรองรับอีกมากมายที่คุณจะไม่สามารถหาได้ในระบบชุมชนของ MT4 ได้เลย เพื่อเป็นการโน้มน้าวแกมบังคับให้ผู้ใช้เปลี่ยนจาก MQL4 มาใช้MQL5 แทน
ข้อดีของ MT5
- มีการพัฒนาประสิทธิภาพและความรวดเร็ว
- รูปแบบหน้าจอ 3 ชนิด Timeframe 21 แบบ และ เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลกว่า 70 ชิ้น
- สามารถเทรดในตลาดที่แตกต่างกันได้ – Options, Futures, Stocks, Forex
- มีหน้าเครื่องมือที่ซับซ้อนในการรายงานผลการเทรดทั้งหมด
- มีข้อมูลหลากหลายชนิดมากขึ้น และง่ายต่อการทำงานร่วมกับโปรแกรมอื่นๆ เช่นโปรแกรมที่พัฒนาโดยภาษาC++
- มีออเดอร์ 4 ชนิด ที่แตกต่างกัน พร้อมระบบ จัดการออเดอร์ 4 รูปแบบ
ทำความเข้าใจกับหน้าจอ MT5 สามารถทำการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าจอต่างๆได้ โดนขึ้นอยู่กับความต้องการ และลักษณะนิสัยของเทรดเดอร์ ในการใช้งานชั่วคราวคุณสามารถตั้งค่า สีของกราฟต่างๆ หรือวัตถุต่างๆ บนหน้าจอได้เพื่อทำให้มองเห็นข้อมูลต่างๆได้อย่างชัดเจน ถนัดตามากขึ้น พร้อมระบบ Template ที่คุณสามารถทำการบันทึกการตั้งค่าต่างๆ ที่คุณแก้ไขไปแล้วได้ทันที และเมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการใช้รูปแบบนั้นๆ ก็เพียงแค่เรียกใช้ขึ้นมาเท่านั้น MT5 มีบริเวณให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นราคาตามเวลาจริงได้ทันที ทำให้สามารถวางแผนแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที รองรับรูปแบบกราฟ 3 ชนิด Japanese Candlesticks, Sequence of Bars และ Line Candlesticks และ Bars จะให้ข้อมูลครบถ้วนทั้งราคาสูงสุดและต่ำสุด รวมถึงราคาเปิดและราคาปิดด้วย ส่วน Line นั้นมีข้อบกพร่องบางประการเพราะมันไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งหมดของราคาตลาด และเงื่อนไขในขณะนั้น ซึ่งจะทำให้ยากสำหรับผู้เริ่มต้นในการหาเทรนด์ตลาด
Comparison MetaTrader 5 Vs MetaTrader 4
มันจำเป็นที่เราจะต้องทำการเปรียบเทียบข้อแตกต่างระหว่างทั้งสองโปรแกรมนี้ เพื่อให้เราทำการเทรดให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
เครื่องมือในการวิเคราะห์ – MT5 มีเครื่องมือวิเคราะห์ถึง 79 แบบ และมี Timeframe 21 แบบ ซึ่งทำให้มันสามารถเปิดกราฟราคาได้ถึง 100 กราฟด้วยกัน ในขณะที่ MT4 มีเพียง 9 Timeframe ในการเทรดผลิตภัณฑ์ต่างๆ และมี indicator 50 ตัวในการวิเคราะห์เทรนด์, จุดเข้าเทรด และจุดปิดการเทรด
การส่งคำสั่งเทรด – MT4 รองรับรูปแบบการส่งคำสั่งเพียง 3 รูปแบบ นั่นคือ Instant, Market และ Request ในขณะที่MT5 รองรับถึง 4 รูปแบบด้วยกัน – Instant, Market, Request และ Exchange Execution และทั้ง 2 โปรแกรมรองรับชนิด ออเดอร์ 3 แบบ เช่นกันนั่นคือ Market, Pending และ Stop Orders
ความเข้ากันได้ – MetaQuotes ได้ประกาศออกมาว่า มันจะไม่มีความเชื่อมต่อกันระหว่าง MT4 และ MT5 นี่เป็นผลพวงมาจากการพัฒนาภาษาโปรแกรมใน MT5 เพื่อผลลัพธ์ด้านความรวดเร็วในการทำงาน ดังนั้น EA ของ MT4 (.mq4 และ .ex4) จะไม่สามารถทำการรันบน MT5 ได้ การคอมไพล์ไฟล์ของ MT4 นั้นทำได้รวดเร็วแทบจะกระพริบตาเดียว ในขณะที่ MT5 รู้สึกราวกับว่ามันเป็นการเดินทางที่ยาวนานเลยทีเดียว
การจัดการการซื้อ/ขาย – เพื่อเคารพกฎของ National Futures Association และ กฎของยุโรป MT5 ได้ทำการออกแบบให้ทำการเทรด ได้เพียง 1 ออเดอร์ต่อการซื้อหรือขายเท่านั้น สำหรับหุ้นใดหุ้นหนึ่ง หรือ คู่เงินใดคู่เงินหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้การ Hedgingนั้นไม่สามารถใช้งานได้บน MT5 ตัวอย่าง 10.00 น. ซื้อ EURUSD 1 lot ที่ราคา 1.2000 และหลังจากนั้น 14.00 น. ซื้อ EURUSD 2 lot ที่ราคา 1.300
อินเตอร์เฟสและกราฟราคา – MT 5 มีขนาดไอคอนใหญ่กว่าเดิม และมีการจัดวางระยะห่างที่เหมาะสม ถ้าเทียบกับ การออกแบบ แบบอัดแน่นของ MT4 ทำให้ MT5 นั้นออกมาหน้าตาดูดีกว่า MT4 มากทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันมันก็ ใช้ RAM และCPU มากกว่าเดิม
Backtesting – การใช้งานใน MT4 ไม่ค่อยให้ประโยชน์มากเท่าไรนักซึ่งก็เป็นจุดอ่อนหนึ่ง ในขณะที่ MT5 Backtestingนั้นต้องการให้มีการปรับแต่งแก้ไขจำนวนมาก ก่อนที่จะเริ่มทำการ Testing
สรุป
การที่คุณจะเลือกใช้อะไรนั้นขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง แต่อย่างน้อยคุณก็ได้รู้จุดแตกต่างระหว่าง 2 เวอร์ชั่นนี้แล้ว และผมเองก็หวังว่าข้อเสียต่างๆของ MT5 จะถูกกำจัดออกไปหลังจากนี้ รวมถึง ปลั๊กอิน ต่างๆที่จะทำให้การเทรดทำงานได้ดีขึ้นกว่านี้
อินเตอร์เฟสและกราฟราคา ใน MT5 ปุ่มต่างๆ ใหญ่ขึ้น และมีพื้นที่ในการกดมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็หมายความว่า มันทำให้พื้นที่ของหน้าต่างกราฟราคาเล็กลงเล็กน้อย ถ้าเทียบกับ MT4 อีกทั้งยังมีเสียงบ่นมาจากผู้ใช้ Fibonacci Retracement ว่ามันทำงานได้มีความแม่นยำน้อยลงกว่าเดิม กราฟราคาของ MT5 นั้นมีความแตกต่างไม่มากนักจาก MT4 มีเพียงเรื่อง Timeframe เท่านั้นที่แตกต่างกัน โดยการเพิ่มTimeframe ระหว่างกลางของ Timeframe M1, M5, M15, M30, H1, H4, D1, W1 และ MN ทำให้เทรดเดอร์สามารถเข้าถึงระยะเวลาต่างๆได้มากขึ้นกว่าเดิมในการเทรด อีกทั้ง MT5 ยังสามารถจัดการหลายบัญชีได้ภายในตัวเอง ด้วย Account Navigator ที่ให้เทรดเดอร์ทำการสลับเปลี่ยนระหว่างบัญชีได้ง่ายดาย อีกทั้งยังยอมให้เทรดเดอร์ใช้แผนการเทรดได้หลากหลายแผนการในหลากหลายบัญชี – ซึ่งระบบนี้อาจจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับเทรดเดอร์ระดับสูง
Hedging ข้อเสียใหญ่ข้อหนึ่งที่ยิ่งใหญ่สำหรับ MT5 ก็คือ มันไม่รองรับการเทรดแบบ Hedging และ Multi-Hedging ซึ่งจริงๆแล้ว เงื่อนไขในการ Hedge นั้น เป็นข้อหนึ่งเช่นกันที่เทรดเดอร์หลายคนพยายามค้นหาและตัดสินใจเลือกที่จะใช้ โปรแกรมนั้นๆ ในการเทรด – มีหลายคนเช่นกันที่ออกมาแก้ไขด้วยการใช้ ปลั๊กอินเข้าช่วย เพื่อให้ MT5 สามารถทำการ Hedging ได้ ในขณะที่นี่อาจจะพอมีทางออกจากข้อนี้ได้บ้าง แต่คนส่วนมากก็ยังเลือกที่จะไม่ใช้มันซะมากกว่า
Indicators ในขณะที่ MT4 สามารถรองรับindicatorได้หลากหลาย และสามารถให้ผู้ใช้ทำการปรับแต่งแก้ไข indicatorได้เองMT5 นั้น กลับยิ่งดีกว่าเดิมเสียอีก ด้วยการแนะนำindicatorใหม่ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม เช่น Variable Index Dynamic Average, the Fractal Adaptive Moving Average, the Adaptive Moving Average และ Double and Triple Exponential Moving Average’s อีกทั้งยังมีindicatorระดับสูง ที่จะมอบความสามารถในการมองเห็นโอกาสในการเทรดที่กว้างมากยิ่งขึ้นอีกด้วย และมีข้อควรทราบด้วยว่า MT5 นั้น ได้ทำการปรับการแบ่งหมวดหมู่การใช้งานของ EA เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกใช้ สิ่งที่พวกเข้าต้องการได้ง่ายขึ้น
ความเข้ากันได้ เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ MT5 ได้รับความนิยมยังไม่เป็นวงกว้างมากนักนั่นเพราะว่า EA และการเขียนโปรแกรมใน MT4 นั้นไม่สามารถนำมาใช้กับ MT5 ได้เลย นั่นหมายถึง EA และ Indicator จำนวนมากที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจะไม่สามารถนำมาใช้กับ MT5 ได้โดยสิ้นเชิง แต่ทั้งนี้มันก็สามารถทำการเขียนโค้ดขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อให้สามารถนำมาใช้งานกับ MT5 ได้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันนี้ยังไม่มีระบบอัตโนมัติใดๆ รองรับการทำงานตรงนี้ นั่นหมายถึงว่า ผู้ที่ต้องการใช้ EA ของ MT4 มาใช้กับ MT5 จะต้องทำการเขียนโค้ดด้วยตัวเองขึ้นใหม่ทั้งหมด – และเนื่องจากระบบการเทรดอัตโนมัตินั้นเป็นส่วนสำคัญข้อหนึ่งของ Metatrader มันคงจำเป็นจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าที่ MT5 จะมี EA และ Indicators รองรับเพียงพอที่จะทำให้ผู้ใช้ MT4 เริ่มสนใจ มันมากขึ้น
Computing Power มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้กำลังของคอมพิวเตอร์ในการเปิดใช้งานโปรแกรม MT4 นั้น มีความต้องการใช้ RAM น้อยกว่า ในขณะที่ MT5 ต้องการใช้ RAM มากกว่าถึง 3 เท่าตัว แต่อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นปัญหาเท่าไรนักหากคุณใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ยังใหม่อยู่ สัก 2-3 ปี แต่หากเก่ากว่านั้นแล้วล่ะก็ คุณจะได้เจอปัญหากับการใช้งาน MT5 แน่นอน
ความต้องการสเปกคอมพิวเตอร์ มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือการใช้กำลังของคอมพิวเตอร์ในการเปิดใช้งานโปรแกรม MT4 นั้น มีความต้องการใช้ RAM น้อยกว่า ในขณะที่ MT5 ต้องการใช้ RAM มากกว่าถึง 3 เท่าตัว แต่อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นปัญหาเท่าไรนักหากคุณใช้คอมพิวเตอร์รุ่นที่ยังใหม่อยู่ สัก 2-3 ปี แต่หากเก่ากว่านั้นแล้วล่ะก็ คุณจะได้เจอปัญหากับการใช้งาน MT5 แน่นอน จากที่กล่าวมาทั้งหมดจะเห็นได้ว่า ในขณะที่ MT5 เพิ่มคุณสมบัติของตัวเองขึ้นมากกว่า MT4 แต่ก็ยังมีเงื่อนไขอื่นๆที่ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากยังไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้ นั่นเพราะการที่ MT5 ยังมีปริมาณของ EA ที่ยังน้อยกว่ามาก เนื่องจากระบบการเทรดโดยอัตโนมัตินั้นก็เป็นเหตุผลหลัก อย่างหนึ่งเช่นกันที่ทำให้คนนิยมใช้งาน Metatrader และยังมีอีกหลายคนเช่นกันที่ยังคงชอบการใช้งานของ MT4 อยู่ อีกทั้งยังมีเหตุผลเรื่องของการเทรดแบบ Hedge โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ส่วนเสริมใดๆ เพิ่ม แต่หากคุณไม่ได้ประสบกับปัญหาเหล่านี้ แล้วล่ะก็ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่คุณจะยังจำเป็นต้องใช้ MT4 อยู่
[ratings]